ก่อนที่วัฒนธรรมการแต่งกายแบบตะวันตกจะได้เข้ามาในเกาหลีเมื่อร้อยปีมาแล้วนั้นสตรีชาวเกาหลีจะสวมชุดฮันบกเป็นปกติทุกวัน
ในยุคแรกๆ นั้นฮันบกได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนเนื่องจากเกาหลีมีอาณาเขตที่ติดกับดินแดนของจีน ต่อมาในสมัยโชซอนเริ่มมีการติดต่อกับเปอร์เซียและญี่ปุ่นมากขึ้นจึงทำให้ชุด "ฮันบก" มีลวดลายมากขึ้นรวมถึงเริ่มมีเครื่องประดับที่บ่งบอกสถานะและตำแหน่งขึ้นด้วยโดยทั่วไป
- ชาวบ้านสามัญจะสวมฮันบกสีธรรมชาติ
- ผู้มีฐานะจะสวมฮันบก ที่มีสีสัน แต่จะไม่ซ้ำกับสีที่ใช้ในวังหลวง
- ฮันบกในวังหลวงนั้นมีการแยกสีและเครื่องประดับอย่างชัดเจนเพื่อบ่งบอกถึงฐานะและตำแหน่งของแต่ละคน
- ฮันบกของสตรีประกอบด้วย กระโปรงพันรอบตัว เรียกว่า “ชิมา” และเสื้อ “ชอกอรี” ซึ่งคล้ายเสื้อแจ็คเก็ตฮันบก
- ฮันบกของบุรุษประกอบด้วยชอกอริเช่นกัน แต่สั้นกว่าของสตรี และมีกางเกงเรียกว่า “บาจิ” ทั้งชุดของสตรีและผู้ชายสวมคลุมทับด้วยเสื้อคลุมยาวเรียกว่า “ตุรุมากิ”
ฮันบกที่ใช้สำหรับแต่งกายในฤดูหนาวมักใช้ผ้าที่ทอจากฝ้ายและกางเกงขายาวมีสายรัดที่ข้อเท้าซึ่งช่วยในการเก็บความร้อนของร่างกาย
ในขณะที่ช่วงฤดูร้อนจะใช้ผ้าป่านลงแป้งแข็งหรือผ้ารามีซึ่งช่วยในการซึมซับ และการแผ่กระจายของความร้อนในร่างกาย
สีผ้าที่ถูกเลือกมาใช้ตัดชุดฮันบกส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว ซึ่งสื่อถึงความสะอาด ความบริสุทธิ์ แต่หากต้องการได้ชุดที่ดูหรูขึ้นมาอีกนิดสำหรับสวมใส่ไปงานสำคัญ ๆ ก็จะใช้ผ้าสีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน และสีดำมาประกอบ การแต่งกายด้วยชุดฮันบกไม่ได้มีการกำหนดว่าจะต้องเป็นสีใดทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้สวมใส่เป็นหลัก
ชุดฮันบกของสตรีในเกาหลีเหนือนั้นชุดจะเป็นสีเดียวกันทั้งชุดทั้งท่อนบนและท่อนล่าง ปกเสื้อจะมีขนาดเล็กกว่าคอลึกกว่าชุดฮันบกในเกาหลีใต้